คน 5 ประเภท




      




เคยนั่งฟังบรรยายเรื่องขงจื้อ นานมาแล้วและรีบกลับมาบันทึกไว้กันลืม เพราะชอบมาก ขอนำมา แชร์กันต่อนะครับ โดยตามหลักทัศนะคติของ ขงจื้อนั้น กล่าวไว้ว่า คนนั้น สามารถแบ่งออกได้ 5 ประเภท ซึ่งไม่เกี่ยวกับคน 4 จำพวก ทางศาสนา พุทธนะครับ ลองมาดูกันว่า มีอะไรบ้าง ดังนี้



       สามัญชน  คือคนที่ไม่เคารพ กฎระเบียบ ไม่สามารถกล่าวคำที่สะท้อนสติปัญญา ไม่เคยคิดจะคบนักปราชญ์ ไม่มีเป้าหมายชีวิตรู้แต่เรื่องเฉพาะหน้า ไม่มีอุดมคติที่ลึกซึ้งกว้างไกล ไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง

       บัณฑิต  คือ บุคคลแม้ไม่เข้าใจเหตุผลที่ลึกซึ้ง ไม่สามารถบำเพ็ญคุณธรรมหมดจดไร้ข้อตำหนิ แต่ก็มีความรู้ความเชื่อบางอย่าง ทำงานและประพฤติตัวตามหลักการความเชื่อบางอย่าง แม้จะมีความรู้ความเข้าใจบางอย่าง อย่างจำกัด แต่กุมความรู้ความเข้าใจบางอย่าง อย่างแม่นยำ ถึงจะเข้าใจและกระทำอย่างมีข้อจำกัดแต่ก็เข้าใจเหตุผลอย่างแท้จริง ระมัดระวังการสื่อของตนเองอย่างแท้จริง ถึงระดับการสื่อจะมีข้อจำกัดก็ระมัดระวังความประพฤติของตนเองเสมอ กล่าวคือพวกเขาสามารถเผชิญความจริงภายใต้ข้อจำกัดของตัวเองความรู้ความเข้าใจ และความซื่อสัตย์ สุจริตของพวกเขาเองจึงไม่เปลี่ยนแปลงไปตามฐานะยากดีมีจน

       วิญญูชน  คือบุคคลที่ทำงานด้วยความทุ่มเท พูดจริงทำจริงไม่บ่นโทษนินทาพยาบาท มีคุณธรรมสูงส่งเป็นที่ยกย่องแต่ไม่เย่อหยิ่งทนงตัว มีสติปัญญาเลิศล้ำแต่ไม่หมกหมุ่นในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ประพฤติตน อยู่ในทำนองครองธรรมอย่างเคร่งครัด ท่าทีนอบน้อมกระตือรือล้น ดูคล้ายไร้สติปัญญา แท้ที่จริงมีความสามารถอันลึกล้ำ หาผู้ใดเสมอได้อยาก

       ปราชญ์  คือ บุคคลที่เคารพตามกฎหมายอยู่ในทำนองครองธรรม มีวาจาเที่ยงแท้ เป็นเชื่อถือ บำเพ็ญธรรมเป็นแน่แท้ เป็นแบบอย่างแก่ราษฎร สามารถกล่อมเกลา ราษฎรโดยไม่เป็นผลร้ายแก่ตัวเอง ยามสมปณิธาน สามารถแผ่พระคุณสร้างประโยชน์แก่ราษฎรทั่วแผ่นดิน


       อริยะบุรุษ  ขงจื้อไม่สามารถ อธิบายให้ชัดเจนได้ เพียงรู้ว่า พวกเขามีจิตใจสูงส่ง น่าบูชาดุจฟ้าดินแต่สามารถปรับตัวเองเข้ากับสภาพแวดล้อม มีสติปัญญาแจ่มแจ้งดุจแสงแห่งสุริยัน จันทรา สามารถหยั่งรู้รากสรรพสิ่ง ยามดำเนินมรรคธรรม จะประหนึ่งฟ้าดินหล่อเลี้ยงสรรพชีวิต โดยไม่ลำเลิก และราษฎรหารู้ไม่ว่าท่านรับบุญคุณไปแล้ว คนทั่วไปจึงไม่ทราบว่าท่านทำอะไรไปบ้าง ไม่ทราบว่าท่านมีคุณธรรมสูงเพียงใด ดุจเดียวกับที่ไม่เข้าใจความลับของฟ้าดิน และฤดูกาลทั้งสี่

      ลองถามตัวเองดู นะครับว่า ตนเองควรจะเข้าข่ายคนประเภทใหน แต่ถึงแม้ เราจะเป็นคนแบบใดในสายตาผู้อื่นนะครับ ขอให้เป็นคนดีของครอบครัว และสังคม ไม่เบียดเบียนผู้อื่น แค่นี้ ผมก็ว่า ดีแล้วครับ เพราะสังคมต้องการ คนดีมากกว่าคนฉลาดแต่เป็นคนไม่ดีนะครับ....

เรื่องของบันได

                     วันนี้ จะขอคุยเรื่องของบันไดซักหน่อย  เนื่องจากตัวผมเองที่มักถูกสอบถามอยู่บ่อยครั้ง เรื่องของบันไดในบ้านควรจะขึ้นชั้นบน โดยวนซ้ายหรือขวาถึงจะดีและถูกฮวงจุ้ย จะต้องมีจำนวนขั้น เลขคู่หรือเลขคี่ ถึงจะดี ?
                   
                       เรื่องของบันไดนั้น ถ้าจะอธิบายตามหลักการและเหตุผลของการออกแบบ ก็จะมีความสัมพันธ์ กันกับขอกำหนดทางฮวงจุ้ยเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ ซินแส ก็เปรียบเสือน ดีไซน์เนอร์ คนนึงที่ในสมัยโบราณ จะต้องให้มากำหนดตำแหน่งต่างๆของบ้าน ให้ถูกต้อง นั่นเอง  และรายละเอัยดปลีกย่อย อันเป็นเหตุผลแฝงบางอย่าง ที่วิชา ฮวงจุ้ย เพิ่มขึ้นมา หรืออาจจะกล่าวได้ว่า ไม่มีในตำราออกแบบ ในยุคปัจจุบัน   รวมถึงการจัดพิธีกรรม ก่อนลงมือก่อสร้างและ ย้ายเข้าบ้าน ส่งเจ้าของบ้าน ให้อยู่อาศัยเรียบร้อย

                        แต่พิธีกรรมบางอย่างเริ่มลืมเลือนและละเว้น ห่างหายไปบ้างตามยุค ตามสมัย เรื่องพิธีกรรมนั้นผมขอเก็บไว้ก่อน มาคุยเรื่องที่เกริ่นไว้ตอนแรกครับ คือ เรื่องของบันได  ถ้าจะกล่าว ไปแล้วนั้น ข้อกฎหมาย ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 55 พศ 2543 ก็ได้กำหนดขนาดบันได และความสูง ความกว้างไว้เรียบร้อยแล้ว  ท่านสามารถ สร้างบ้านและทำบันได ให้ถูกต้องตามกฎหมายได้เลย และสามารถใช้งานได้จริงด้วยครับ   แต่ทีนี้ตามความเป็นจริงนะครับ เรื่องที่อยากทราบของเจ้าของบ้านส่วนมาก เราจะหาคำตอบไม่ได้ ครับ ในกฎหมาย ในฉบับนี้ หรือฉบับใหน  คำถามที่มักเจอบ่อยไม่ได้เกี่ยวข้องตามกฎหมายเลยครับ  มันคือฮวงจุัยล้วนๆ ครับ
                     
                          คำถาม แรก ที่ถามบ่อยมานะครับ คือ บันไดเลขคู่ หรือเลขคี่ ดี และ 1ช่วงชานพัก จะเลขคู่หรือเลขคี่ดี และ รวมแล้วจะเลขคู่ เลขคี่ ถึงจะดีที่สุด เมื่อสร้างบ้านหรือซื้อบ้านนะครับ เราต้องอยู่ไปอีกยาวนานครับ ดังนั้น มาดูกันนะครับ ว่าเลขคู่หรือเลขคี่ถึงจะดี  คำตอบ คือ เลขคี่ ครับ และเฉพาะลูกนอนเท่านั้น ไม่รวมลูกตั้ง เมื่อนับก้าว แล้ว ก้าวสุดท้าย ที่ จบที่ชานพัก จะเป็นก้าว เลขคู่ เรียกว่า ขึ้นเท้าใหน ก็ให้จบที่อีกเท้า เมื่อถึง ชานพัก หรือ ชั้นต่อไป
       
                   ส่วนการที่จะวน ซ้ายหรือขวา นั้น โดยส่วนใหญ่ จะพบว่าอุบัติเหตุ จาการขึ้นบันได มักจะเกิดขณะเดินขึ้นมากกว่า เดินลง และคนส่วนใหญ่ จะถนัดมือขวา ในการจับราวบันได ขณะเดินขึ้นบันไดเพื่อพยุงตัวไม่ให้ล้ม และช่วยพยุงร่างกายให้เดินขึ้นบันไดได้สะดวก เพราะการเดินขึ้นบันไดจะออกแรงมากกว่า การเดินลง  จึงสรุปได้ว่า บันไดควรจะวนขวา นะครับ แต่.....  แต่ ในทางฮวงจุ้ย จะเพิ่มเรื่องที่จะพูดถึงคือพลังงานบางอย่าง ที่เรียกว่า ชี่  ซึ่งจะใหลเวียน เข้ามาภายในบ้าน ครับ และ ใหลไปตามบันได ทั้งขึ้นและลง  นี่และครับ ที่จะบอกว่า บันได จะวนซ้ายก็ได้ครับ  และทิศที่จะวนซ้ายได้นั้น ซินแสจะเป็นผู้ตอบได้ครับ เพราะการวัด องศาบ้านแต่ละหลัง ต้องใช้เข้มทิศจีนในการวัด หรือที่เรียกว่า หล่อแก 


                 ตัวอย่าง ทิศ ที่สามารถ วนซ้ายได้ และดี คือบ้านที่ หลังบ้านหันไปทิศ  105- 120 องศา เป็น 1ในจำนวน 12 ขุนเขา วงฟ้า ( 360 องศา มี 24 ขุนเขา) ทั้งนี้ รายละเอียดคงต้องให้ซินแสท่าน เป็นผู้กำหนดให้นะครับ เพราะรายละเอียดจะมากพอสมควรครับ

                 เรื่องอื่นที่สำคัญ และไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง คือ การสร้างบันได ไว้ กลางบ้าน  เพราะ แสงจะลงแทบไม่ถึง แลtจะค่อนข้างมืดเมื่ออยู่กลางบ้านทำให้ต้องเปิดไฟ ในบ้านตลอด การถ่ายเทอากาศ ในปล่องบันได ก็จะไม่ดีเท่าที่ควร ในเชิงการออกแบบแล้ว เรียกว่า ผิดมหันต์ทีเดียว เพราะปัญหา ที่ตามมานั้น อีกมากมาย เคยมีนะครับที่เจ้าของบ้าน บอกว่า โรงแรม ก็ยังทำกันเลย บันไดไว้กลางๆสวยดี ก็ไม่เถียงนะครับว่าสวยดี แต่ดีไม่ดีเราไม่ได้อยู่ทุกวันนะครับ โรงแรมคือที่ซึ่งเราไปพักชั่วคราว ส่วนบ้านของท่าน ๆต้องอยู่ แทบทุกวัน หรือทั้งชีวิต และในโรงแรมนั้น จะใช้ระบบเครื่องกลมาใช้ ในการถ่ายเทอากาศภายในครับ และยังเปิดไฟตลอดเวลาอีกด้วย คงไม่ต้องพูดถึง เรื่องค่าใช่จ่ายนะครับ ในทางฮวงจุ้ย ก้จะห้ามสร้างบันไดกลางบ้าน เหตุเพราะ จะกล่าวถึงเรื่อง ตำแหน่ง หัวใจของบ้าน  การมีบันไดกลางบ้าน จะส่งผลให้เจ้าบ้าน เป้นโรคหัวใจได้ง่าย เหตุเพราะ  การขัดขวาง การเดินทางของชี่ ที่เข้ามาในตัวบ้านนั้น และยังกล่าวถึงการแตกความสามัคคี ของคนในบ้านด้วยครับ
             
                บันได ยังมีข้อห้ามปลีกย่อย อีกหลายอย่าง เช่น ห้าม ตรงประตูห้องนอน และห้องน้ำ ข้อนี้ เข้าใจได้เลยว่า การเปิดประตู เข้าออก อาจเกิด อุบัติเหตุลื่นล้ม หรือสะดุด จะได้ไม่ตกจากชั้นบนลงมาได้ง่ายๆ   แต่ในทางฮวงจุ้ย อธิบายว่าเงินทองรั่วไหล  เพราะบันไดพาเงินออกไป ซึ่งก็เป็นกล่าวแบบไม่ทำร้ายเจ้าของบ้านจนเกินไปนะครับ เรียกว่า ไม่ได้แช่ง หรือพูดไม่เป็นมงคล นั่นเองครับ    

         
                 
 

เรื่องเล่าประสบการณ์

            หลายเดือนก่อน ผมได้รับเชิญให้ไปช่วยดูฮวงจุ้ย ให้กับพี่ชายท่านหนึ่ง ซึ่งได้รู้จักกันไม่นานนัก แต่ท่านทราบว่า ผมพอจะมีความรู้ เรื่องฮวงจุ้ยอยู่บ้าง จึงเรียนเชิญให้ไปนั่งจิบชาที่บ้านและขอคำปรึกษา หลังจากประชุมงานเสร็จวันนั้น พี่ชายท่านนี้จึงให้รถมารับไปที่บ้าน พอมาถึงที่บ้านนั้น ผมยืนหน้าประตูบ้าน และเริ่มคำนวนทิศทางต่างๆในใจไปพลางก่อนเข้าไปในบ้าน และเริ่มตั้งคำทำนาย ตามหลักวิชาที่อาจารย์ ได้ถ่ายทอดมาให้   และเมื่อก้าวเท้าเข้าบ้านไป คำตอบที่ตั้งทำนายในใจก็เริ่มเผยตัว ซึ่งแทบจะไม่ผิดเพี้ยนไปเท่าไหร่นัก

            หลังจาก นั่งคุย จิบชากันไประยะหนึ่ง  ท่านก็พาเดินรอบๆบ้าน และยิงคำถาม มากมายเป็นชุด เล่นเอาผมแทบตั้งตัวไม่ติด แต่ละคำถามนั้น น่าสนใจมากครับ ตัวอย่าง นะครับ เช่น ประตูหน้าบ้านควรผลักเข้าหรือผลักออกจากตัวบ้าน บันไดทำไมต้องเวียนขวาเท่านั้นหรือ ห้องพระทำไมต้อง ผลินพักต์ ไปทิศที่ ขัดกับการจัดวางในห้อง ฯ
            "ขอนั่งพักก่อนนะครับพี่  " ผมเลยเอ่ยไป เนื่องจากบ้านค่อนข้างมีพื้นที่ใหญ่ พอสมควร ขณะนั่งจิบชาไป ผมก็เริ่มอธิบายและตอบคำถาม ไปเรื่อยๆ มีคำถามมากมาย ที่มีคำตอบในตัว แต่คำถามบางคำถาม ผมต้องอธิบาย และยกตัวอย่างมากมาย เหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะ ท่านเป็น วิศวกร ต้องการคำตอบ และเหตุผล และ สุดท้าย ท่านได้เฉลยออกมาว่า ได้เชิญซินแสมาดูที่บ้าน ไปก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นความประสงค์ของภรรยาและคนในบ้าน พอหลังจาก ซินแสกลับไปแล้ว ท่านไม่สบายใจหลายเรื่อง เพราะ ซินแสท่านก่อนนั้น ได้ให้ท่าน ปรับแก้ บ้านเรือน โดยให้คำตอบไปในเชิง ความเชื่อแบบขาดที่มาที่ไป  ค่อนไปทางของแก้ต่างๆ โดยปรกติแล้ว หากผมรู้ว่า ท่านได้เคยปรึกษา ซินแสท่านอื่นมาก่อนแล้ว ผมมักจะปฎิเสธ ที่จะไปดูให้นะครับ ทั้งนี้เพื่อให้เกีรยติ ซินแสท่านนะครับ แต่บังเอิญว่าเป็นการรู้ภายหลัง จึงปล่อยเลยตามเลยครับ

             สิ่งที่อยากกล่าวต่อไป คือ ฮวงจุ้ยนั้น คือศาสตร์การ จัดแต่งที่อยู่อาศัย ที่ผนวก ศาสตร์ หลายๆอย่างเข้าหากัน ทั้งทางวิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ สถาปัตยกรรม วิศวกรรม จิตรวิทยา วัฒนธรรม และอีกหลายๆอย่าง เข้าหากัน และยังรวมถึง โหราศาสตร์ ลงไปด้วย การ จัดฮวงจุ้ย จึงขึ้นอยู่ ว่าซินแส ท่านจะเน้นหนักไปทางด้านใด หรือมีความชำนาญด้านใดมากกว่ากัน หรืออาจจะเกิดจากการร้องขอ ของเจ้าของบ้านเอง  ประสบการณ์ ของซินแสแต่ละท่านนั้น ก็แตกต่างกันออกไป โดยหลักวิชาแล้ว วิชาโหราศาสตร์ จะต้องศึกษา เป็นหลักก่อน หลังจากนั้น จะตามด้วย ภูมิศาสตร์ ที่ตั้ง ซึ่งมีความยากง่ายแตกต่างกันไป และแต่ละที่ตั้ง แต่ละประเทศ จะมีภูมิศาสตร์ของประเทศต่างกันออกไป ดังนั้น ซินแส ที่มีประสบการณ์ จะต้องรู้จักการพลิกแพลงการใช้งาน ใช่จะจดจำ และใช้หลักการเดิมตลอด หาได้ไม่
           
             สรุปว่าวันนั้น พี่ชาย ท่านนี้ ได้คำตอบที่พอใจครับ หลังจากนั้น ท่านก็โทรมาปรึกษา อยู่เป็น ระยะ และแนะนำเพื่อนๆ ให้มาปรึกษาหลายท่าน อยู่เรื่อยๆ  และผมจะเอาคำถาม คำตอบมาเล่าสู่กันอ่านเล่นๆต่อไปนะครับ....
   
       

         

บ้านดี ปี 2558

                เรื่องของฮวงจุ้ย นั้น มีเรื่องนึงที่กล่าวถึงทิศอัปมงคล ในการซ่อมแซม ทุบรื้อ บ้านในแต่ละปีว่าควรหรือไม่ควรทำการ ซึ่ง มีความเชื่อว่า หากกระทำการ ในปีที่เป็นอัปมงคลของทิศบ้านนั้น จะส่งผลต่อเจ้าบ้าน ผู้อยู่อาศัย ให้เกิดความโชคร้าย เจ็บป่วย ไม่สบาย
                ในปี 2558 ปีนักษัตร มะแม นี้ จึงถูกกำหนด ไว้ดังนี้ บ้านที่หันหน้าบ้านทิศ ตะวันตก จะถือว่าเป็นมงคล และ ยังรวมถึง บ้านที่หันหน้าบ้านทิศใต้ ซึ่งถือว่าหากจะซ่อมแซม ต่อเติมบ้านใหม่ หรือทำพิธีเข้าบ้านใหม่ ปลูกบ้านใหม่ ถือว่าในปี 2558 จะเป็นปีที่เหมาะเจาะเป็นอย่างยิ่ง เลยนะครับ

                 หรือท่านที่ ซื้อคอนโดมิเนียม และจะย้ายเข้า ไปอยู่ปีนี้ ก็ดีเลยนะครับ  เรียกว่าปีแห่งมงคล

จะตกแต่ง จัดห้องทำออฟฟิสสำนักงาน  ล้วนดีทั้งนั้นนะครับ แต่ถ้าหากไม่แน่ใจ ลองหาวันดีๆ ประกอบการมงคลก่อนย้ายเข้า นะครับ เพื่อเสริมบารมีให้ดียิ่งๆขึ้น ก็ดีนะครับ

ทะเบียน นำโชค

         งานแสดงรถยนต์ ครั้งยิ่งใหญ่ประจำปี ของบ้านเรา เพิ่งผ่านไป ท่านที่จองรถยนต์ ไว้ อีกไม่นานจะต้องหาเลขทะเบียนสวยมาติดรถเพื่อความเป็นสิริมงคล ในเร้ววันนี้ แน่นอนนะครับ วันนี้จึงอยากเล่าเรื่องป้ายทะเบียนให้อ่านกันสนุกๆนะครับ อย่าถือจริงจังมาก ป้ายทะเบียน รถยนต์ จักรยานยนต์ นั้น ในบางประเทศ จะมีความเชื่อว่า ถ้ามี อักษรตัวยู U ที่ป้ายทะเบียน จะทำให้หาเงินคล่อง ดี  ซึ่งลักษณะ ในอักษรของไทย ก็จะเหมือนกับ  บ  ป  ยิ่งปากกว้างรับโชคมากเท่าไหร่ยิ่งดีครับ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับแต่ละความเชื่อนะครับ   และในศาสตรฺ ฮวงจุ้ย จะเชื่อว่า เลข 5 เป็นเลขอัปมงคลนะครับ ความหมายคือ 5 ภูติสิงสถิตย์ ไม่นิยมมีทะเบียนเลข 5 กับ คนธรรมดาทั่วไป แต่หากรับราชการ เป็น ครู หรือรัฐวิสาหกิจ หรือทำงานติดต่อซื้อขายกับส่วนราชการ กลับกลายเป็นดีนะครับ เจริญรุ่งเรืองดีด้วยครับ

               ไม่แนะนำให้ ดัดแปลง ป้ายทะเบียน ที่มีอยู่แล้วนะครับ